เกร็ดความรู้ 🇯🇵

คนญี่ปุ่นมีวิธีรับมือกับแผ่นดินไหวอย่างเป็นระบบและมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อป้องกันความเสียหายอยู่ตลอดเวลา โดยแนวทางการรับมือสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่

1. การเตรียมความพร้อมของประชาชน

• การฝึกซ้อม: มีการจัดซ้อมอพยพเป็นประจำ โดยเฉพาะในวันที่ 1 กันยายนของทุกปี (วันป้องกันภัยพิบัติแห่งชาติ)

• ระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า: รัฐบาลและบริษัทโทรคมนาคมร่วมกันพัฒนาระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินผ่านโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ และวิทยุ

• การศึกษา: นักเรียนและประชาชนได้รับการสอนเรื่องวิธีปฏิบัติตัวเมื่อเกิดแผ่นดินไหว เช่น “Drop, Cover, Hold On” (หมอบ คลุม ยึดเกาะ)

• อุปกรณ์ฉุกเฉิน: บ้านเรือนมักมีชุดยังชีพ เช่น ไฟฉาย น้ำดื่ม อาหารแห้ง และวิทยุสื่อสาร

2. การออกแบบอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน

• อาคารต้านแผ่นดินไหว:

• ฐานรากแบบกันสั่น (Base Isolation): ใช้แผ่นรองรับแรงสั่นสะเทือน เช่น ยางพาราหรือเหล็กผสม เพื่อดูดซับแรงสั่นสะเทือน

• โครงสร้างยืดหยุ่น (Damping System): ใช้โช้คอัพหรือลูกตุ้มขนาดใหญ่เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนของอาคาร

• วัสดุอัจฉริยะ: ใช้เหล็กกล้าพิเศษและคอนกรีตที่มีความยืดหยุ่นสูง ลดความเสี่ยงต่อการแตกร้าว

• สะพานและทางด่วนกันแผ่นดินไหว:

• ใช้เสาค้ำยันแบบยืดหยุ่นและมีจุดเชื่อมต่อที่ช่วยให้สะพานเคลื่อนตัวได้โดยไม่พัง

• มีระบบตัดการจ่ายแก๊สและไฟฟ้าอัตโนมัติเมื่อเกิดแผ่นดินไหว

3. เทคโนโลยีที่ใช้ในปัจจุบัน

• ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหว (Earthquake Early Warning - EEW): ตรวจจับคลื่นแผ่นดินไหวและแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์และสื่อสาธารณะ

• AI และ Big Data: ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลการเกิดแผ่นดินไหวล่วงหน้าเพื่อทำนายแนวโน้มการเกิดและผลกระทบ

• ดาวเทียมและเซ็นเซอร์: ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนทั่วประเทศและใช้ดาวเทียมตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก

• หุ่นยนต์กู้ภัย: ใช้โดรนและหุ่นยนต์สำรวจซากอาคารเพื่อลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่กู้ภัย

ญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมาตรการป้องกันแผ่นดินไหวที่ดีที่สุดในโลก และยังคงพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง